วันนี้เราจะมาพูดคุยถึงประเด็นสำคัญที่หลายคนอาจเคยประสบ นั่นคือการที่เราไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองนั้น “มีอะไรดี?” หรือมีความสามารถโดดเด่นในด้านใด ซึ่งมักเกิดจากการขาดการวิเคราะห์ตนเองและการตั้งเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน สถานการณ์เช่นนี้อาจนำไปสู่การติดกับดักชีวิต ที่เราต้องทำในสิ่งที่ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเลือกเส้นทางตามความคาดหวังของครอบครัว เพื่อน หรือความเชื่อที่ว่าเรียนจบมาทางสายนี้ก็ต้องทำงานแบบนี้ หรือเพียงแค่เห็นว่าเป็นงานที่มีรายได้ดี
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความทุกข์ใจและความขัดแย้งภายใน ที่เรามักเห็นการพร่ำพรรณนาถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิต ความท้อแท้ หรือแม้แต่การต่อว่าเจ้านาย/เพื่อนร่วมงาน ผ่านช่องทางออนไลน์อย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้เอง ในปัจจุบันจึงมีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่เปิดใจพาบุตรหลานมาขอคำปรึกษาเพื่อช่วยวิเคราะห์แนวทางการศึกษา ป้องกันปัญหาการติดกับดักชีวิตในอนาคต
แม้แต่ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ทำงานมานาน ต่างมีความเก่งหรือทักษะที่แตกต่างกันออกไป แต่เมื่อถูกถามว่า “เก่งยังไง?” คำตอบก็มักจะย้อนกลับไปสู่ปัญหาเดิมคือ “อธิบายไม่ได้ชัดเจน“
PAR & SAR: เครื่องมือแปลง “ความสามารถ” สู่ “ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม“
เพื่อป้องกันปัญหานี้ และช่วยให้เราสามารถสะท้อนความเก่งหรือทักษะที่เรามีได้อย่างเป็นรูปธรรมและน่าเชื่อถือ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับหลักการ “PAR” และ “SAR” กันอีกครั้งอย่างละเอียด
หลักการ PAR (Problem, Action, Result) และ SAR (Situation, Action, Result) เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่จะช่วยให้เราสามารถรวบรวมและอธิบายความเก่งหรือทักษะที่บางครั้งอาจดูเหมือนเป็นนามธรรม ให้กลายเป็นเรื่องราวที่จับต้องได้ และสามารถสื่อสารคุณค่าของการใช้ทักษะของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
P (Problem): หมายถึง ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานั้น (ใช้ในกรณี PAR)
S (Situation): หมายถึง สถานการณ์หรือประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น (ใช้ในกรณี SAR) ซึ่งเราได้นำความเก่งหรือทักษะของเราเข้าไปใช้ในการแก้ไข
A (Action): คือ สิ่งที่เราได้ทำลงไป โดยใช้ความเก่ง หรือทักษะอะไรของเราจัดการกับปัญหาหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และใช้อย่างไรบ้าง ในส่วนนี้ เราต้องบันทึกรายละเอียดของทักษะและวิธีการที่ใช้ให้ชัดเจน เพื่อให้เห็นขั้นตอนการนำไปใช้ที่เป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น หากใช้ทักษะการสื่อสารในการจัดการปัญหา ควรระบุเป็นขั้นเป็นตอน:
-
- ขั้นที่ 1: เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาพูดคุย หารือถึงปัญหา/สถานการณ์ โดยใช้คำถามปลายเปิดเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ วิธีการจัดการปัญหาที่ผ่านมา แนวทางอื่น ๆ และแผนปฏิบัติการ
- ขั้นที่ 2: บันทึกข้อสรุปจากการหารือเพื่อใช้สรุปความเข้าใจเป็นลายลักษณ์อักษร หรือใช้ในการติดตามงาน
- ขั้นที่ 3: จัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อกำหนดระยะเวลาและติดตามความคืบหน้าของงาน
R (Result): คือ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ความเก่ง หรือทักษะของเราจัดการกับปัญหาหรือสถานการณ์นั้น รวมถึงผลกระทบที่สำคัญและเป็นรูปธรรมที่ตามมาจากการกระทำของคุณ อาจเป็นได้ทั้งเชิงปริมาณ (เช่น ยอดขายเพิ่มขึ้น 10%) หรือเชิงคุณภาพ (เช่น บรรยากาศการทำงานดีขึ้น ความเข้าใจระหว่างทีมเพิ่มขึ้น)
PAR & SAR กับการพัฒนาสมรรถนะในองค์กร
หากองค์กรของคุณมีการกำหนดระบบสมรรถนะความสามารถ (Competency) การบันทึก PAR และ SAR อย่างต่อเนื่องจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง คุณสามารถนำข้อมูลในส่วนของ Action กลับไปทบทวนว่าพฤติกรรมที่คุณปฏิบัติอยู่นั้น สอดคล้องกับคำอธิบายพฤติกรรมในระดับสมรรถนะของตำแหน่งที่คุณดำรงอยู่หรือไม่ ไม่ว่าองค์กรของคุณจะแบ่งระดับสมรรถนะเป็น 3 หรือ 5 ระดับก็ตาม การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนพัฒนาตนเองให้ไปสู่ระดับที่องค์กรต้องการได้อย่างมีทิศทาง
หลัก PAR และ SAR ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการช่วยอธิบายความเก่งของเราให้ผู้อื่นเข้าใจเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถบอกใคร ๆ ได้ว่าเรา “เก่งเรื่องนี้” และ “เก่งอย่างไร” โดยละเอียด บางครั้งทักษะหรือความเก่งเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่บุคคลอื่นมองข้ามไป การที่เราบันทึกทักษะที่เราใช้จัดการกับประเด็นหรือปัญหาต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สมองของเราสร้างภาพแห่งความสำเร็จของตนเองเข้าสู่จิตใต้สำนึก เป็นการเพิ่มความมั่นใจและเห็นคุณค่าในตนเองมากยิ่งขึ้น